สิ่งที่คุณภรรยาควรรู้เมื่อต้อง “หย่า”
 
 สิ่งที่คุณภรรยาควรรู้เมื่อต้องหย่า


     สิ่งที่คุณภรรยาควรรู้เมื่อต้อง “หย่า”

          เมื่อต้องหย่าเพราะชีวิตสมรสพังทลาย ไม่สามารถประคับประคองชีวิตรักได้ สิ่งที่ภรรยาจำเป็นต้องรู้เมื่อต้องหย่าจริงๆ มีอะไรบ้าง ทรัพย์สินก่อนแต่งงานและหลังแต่งงาน มีอะไรที่จำเป็นสำหรับผู้หญิงเรา

          มีคำแนะนำบางประการถ้าคู่สมรสต้องหย่ากันเพราะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำผิด เช่น ประพฤตินอกใจ ทำ ผิดอย่างร้ายแรง หรือชอบทารุณกรรมภรรยาหรือสามี และคุณไม่มีทรัพย์สมบัติ พอที่จะเลี้ยงตัวเองหลังจากหย่าขาดจากกันแล้ว คุณก็สามารถเรียกร้องค่าเลี้ยงดู ได้ตามกฎหมายในจำนวนที่ศาลจะกำหนด โดยพิจารณาจากกำลังทรัพย์ของคู่ สมรส ตลอดจนมาตรฐานการดำรงชีพของคุณในช่วงที่ยังอยู่กินด้วยกัน ผู้เชี่ยวชาญทางการเงินแนะนำว่า ผู้เป็นภรรยาควรเรียกร้องค่าเลี้ยงดูตนเอง และบุตรให้มากเข้าไว้ โดยขอเป็นเงินก้อนดีกว่ารับเป็นรายเดือน ตัวอย่างเช่น การ รับเงินก้อนห้าล้านบาท ย่อมดีกว่าค่าเลี้ยงดูปีละห้าแสนบาท เพราะถ้าคุณนำเงิน ก้อนนี้ไปลงทุน และรับผลตอบแทนปีละ 5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทำให้คุณมีรายได้สองแสน ห้าหมื่นบาทต่อปี แต่ถ้าคุณรับค่าเลี้ยงดูเป็นรายปี การจ่ายเงินจะยุติลงทันที ที่ผู้จ่ายหรือคุณเองเสียชีวิต หรือคุณแต่งงานใหม่ หรือแฟนเก่าของคุณเปลี่ยนใจ เบี้ยวไม่จ่ายเอาดื้อๆ การใช้มาตรการบังคับทางกฎหมายก็ช้าและได้ผลไม่เต็มที่

          ส่วนการเรียกร้องค่าเลี้ยงดู คุณควรอ้างเหตุผลว่าคุณต้องการดำรง มาตรฐานความเป็น อยู่ให้เหมือนเมื่อครั้งยังแต่งงานอยู่ บางครั้งการยืดเวลาการฟ้องหย่า ออกไปสักพักอาจมีผลดีกว่า เพราะถ้า ศาลอนุญาตให้หย่าได้ สินสมรสจะต้อง ถูกแบ่งครึ่งย้อนหลังไปถึงเวลาที่ยื่นฟ้อง ขอหย่า ดังนั้น ถ้าสามีของคุณกำลังได้ รับเงินก้อนโต เช่น เขากำลังจะเข้าซื้อหรือ ควบกิจการ คุณก็ควรยื่นฟ้องหย่าภาย หลังจากที่เขาดำเนินงานเสร็จ เพราะในตอนนั้น คุณจะได้ส่วนแบ่งมากขึ้นแน่นอน

     การแบ่งสินสมรส

          เมื่อศาลอนุญาตให้มีการหย่า สินสมรสจะถูกแบ่งครึ่งระหว่างสามีภรรยาอย่างไรก็ตาม แต่ละฝ่ายจะได้รับทรัพย์สินส่วนตัวกลับคืน ซึ่งประกอบด้วยทรัพย์สินที่แต่ละฝ่ายมีมาก่อนแต่งงาน คือ สินเดิม ทรัพย์สินที่เป็นของใช้ส่วนตัว และเครื่องมือประกอบอาชีพของแต่ละฝ่าย ทรัพย์สินที่ได้รับเป็นมรดกหรือที่มีผู้ยกให้ ของหมั้นของฝ่ายหญิง อย่างไรก็ตาม สินสมรสอาจแบ่งแตกต่างจากวิธีข้างต้น หากมีการทำ สัญญาก่อนสมรสกันไว้ สัญญานี้จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ นอกจากได้รับอนุญาต จากศาล ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลานาน



     การเลี้ยงดูบุตร

          ถ้าการหย่าร้างเป็นไปโดยสมัครใจ คู่สมรสแต่ละฝ่ายอาจตกลงกันได้ว่า ใครจะเลี้ยงดูลูกคนไหน แต่ถ้าการหย่าร้างจบลงที่ศาล และไม่มีการตกลงในเรื่องนี้ ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินของศาล ซึ่งจะพิจารณาตามสวัสดิภาพและผลประโยชน์ของเด็ก ซึ่งโดยปกติอีกฝ่ายหนึ่งจะมีสิทธิไปเยี่ยมลูกได้



     ค่าเลี้ยงดูอดีตคู่สมรส

          การหย่าร้างในประเทศไทยสามารถทำได้นอกศาล และใช้เวลาเพียงสิบนาทีโดยไปจดทะเบียนหย่า ณ ที่ทำการเขตก็ถือว่าเรียบร้อย ผู้อำนวยการเขตอาจไกล่เกลี่ยให้ดีกัน แต่หากทั้งสองฝ่ายยังยืนยันที่จะหย่า เขาก็จะจดทะเบียนหย่าให้แม้ว่ากฎหมายไทยจะไม่ยุ่งยากเท่ากฎหมายของสหรัฐฯ ในเรื่องการหย่าแต่ก็เป็นกฎหมายที่เข้าข้างฝ่ายชายอยู่มาก เพราะตามกฎหมายสหรัฐฯ เป็นเรื่องยาก ที่อดีตสามีจะขอค่าเลี้ยงดูจากภรรยา แม้ว่าเธอจะร่ำรวยกว่า แต่ในประเทศไทย ฝ่ายที่ร่ำรวยกว่าจะต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูให้ฝ่ายที่ยากจนกว่า ไม่ว่าเป็นชายหรือหญิง โดยถือว่าแต่ละฝ่ายมีสิทธิเท่าเทียมกัน ทนายความในสหรัฐฯ มักแนะนำการเรียกค่าเลี้ยงดูของภรรยาที่ฟ้องหย่า ว่าเธอควรคิดให้ถี่ถ้วนว่าสามีมีรายได้และทรัพย์สินเท่าใด เช่น อาจดูจากรายได้ที่ยื่นเสียภาษีในระยะห้าปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็น “ลายแทงขุมทรัพย์สำหรับสตรีผู้หย่าร้าง” โดยกรมสรรพากรสหรัฐฯ จะถ่ายสำเนาแบบการยื่นเสียภาษีให้ฉบับละ 4.50 ดอลล่าร์

          แต่น่าเสียดายกฎหมายภาษีของไทย หรือระเบียบของกรมสรรพากรคง ไม่มีบริการลักษณะนี้ ถ้าคุณไม่สามารถหาข้อมูลนี้จากรัฐบาล คุณควรขอให้ ศาลออกกฎหมายเรียกเอกสารของสามีคุณจากกรมสรรพากรก็ได้ แต่ทางที่ ดีควรเก็บสำเนา ภงด. 90 หรืออ 91 ที่ยื่นในแต่ละปีไว้ใช้ในอนาคตแต่แบบการยื่นเสียภาษีของไทยจะให้ข้อมูลไม่มากนัก เพราะมีรายได้หลายประเภทที่ได้รับการยกเว้นภาษี และไม่มีการแจ้งตัวเลข เช่น ดอกเบี้ยเงินฝาก และกำไรจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เศรษฐีบางคนมีรายได้จากสองประเภทนี้ มากกว่าเงินเดือนประจำเสียอีก และที่ร้ายที่สุด คือ คนไทยหลายๆ คนยื่นภาษีไม่ครบ ทำให้ข้อมูลไม่น่าเชื่อถือการบริหารทรัพย์สินภายหลังการจัดสรรปันส่วนเมื่อ ใดก็ตามที่คุณแยกทางจากคู่สมรส และคุณไม่มีความรู้เกี่ยวกับการบริหารสินทรัพย์ คุณควรปรึกษาผู้รู้ในกรณีที่คุณได้รับส่วนแบ่งมาก เช่น 50ล้านบาท เพราะเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับผู้หญิง ตัวคนเดียวที่จะจัดการทรัพย์สินได้ตามลำพัง ทางที่ดีคุณควรเรียนรู้เรื่องเงินไว้จะเป็นประโยชน์ที่ช่วยคุณไม่ให้ต้องเดือดร้อนในภายภาคหน้าแม่บ้านหลายรายเคยได้รับเงินจากสามีอย่างไม่อั้น และเมื่อเขาเสียชีวิตลง อย่างกะทันหันหรือต้องหย่าร้างกันในที่สุด เธอก็ถูกปล่อยให้ดูแลเงินจำนวน มหาศาลโดยไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรดีสิ่งที่คุณสมควรกระทำ คือ จัดทำงบรายจ่ายสำหรับตัวเองและลงทุน ให้ได้เงินพอเลี้ยงตัวเองไปได้ตลอดชีวิต ซึ่งถ้าคุณหย่าเมื่ออายุ 40 ปี ก็เป็นไปได้ ที่คุณจะมีชีวิตยืนยาวไปอีก 30-40 ปี



     การบริหารสินทรัพย์อย่างง่าย ๆ ของผู้หญิง ที่เผชิญกับปัญหาหย่าร้าง คุณควร แบ่งเงินลงทุนดังนี้

          1. แบ่งเงิน 10 เปอร์เซ็นต์ ฝากธนาคาร เพื่อจะได้มีเงินสดมาใช้ง่าย ๆ

          2. นำเงิน 10 เปอร์เซ็นต์ ไปซื้อพันธบัตร เพื่อรับรายได้อย่างสม่ำเสมอ

          3. นำเงิน 40 เปอร์เซ็นต์ ลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ เพื่อผลประโยชน์

     ระยะยาว โดยไม่ต้องเสียภาษี

          4. แบ่ง 5 เปอร์เซ็นต์ ซื้อทรัพย์สินมีค่าเช่น ทองคำ เพื่อป้องกันความเสี่ยงของอัตราเงินเฟ้อ

          5. ส่วนที่เหลือ 35 เปอร์เซ็นต์ ลงทุนในสินทรัพย์ถาวร เนื่องจากคุณอาจต้องการบ้าน หรืออพาร์ตเม้นท์ใหม่ เมื่อต้องย้ายออกจากบ้านที่อยู่ในปัจจุบัน

     การเสียภาษี

          เงินที่คุณได้รับจากการหย่าต้องเสียภาษีหรือไม่? คำตอบคือ “ไม่ต้อง” เนื่องจากเหตุผล 2 ประการ คือ การแบ่งสินสมรสไม่ถือเป็นรายได้ คุณเพียงแต่แบ่งสมบัติที่เคยอยู่รวมกองกับของคู่สมรส แม้แต่ที่ดินก็ยังโอนมาเป็นชื่อคุณได้โดยไม่ต้องเสียภาษีเงินได้เงินค่าเลี้ยงดูทั้งที่จ่ายเป็นก้อนหรือจ่ายเป็นรายเดือน ก็ไม่ต้องเสียภาษีเช่นกันตามกฎหมายภาษีมาตรา 42 เพราะถือเป็นรายได้จากหน้าที่และการอุปการะทางศีลธรรมจรรยา อย่างไรก็ตาม การยกเว้นภาษีจะไม่ครอบคลุมถึงรายได้ที่คุณได้รับจากการ ลงทุน นอกเสียจากว่าจะเป็นกำไรจากการขายหน่วยลงทุนหรือขายหุ้นใน ตลาดหุ้น

     ต้องมองไปข้างหน้า

          หลังการหย่าร้างชีวิตของคุณอาจเปลี่ยนไปมาก คุณควรหางานทำ เพื่อรักษาสุขภาพจิตให้แข็งแกร่ง ถ้าคุณไม่พร้อมจะทำงานประจำก็มีงาน part timeมากมาย สำหรับหญิงม่าย โดยเฉพาะถ้าคุณเป็น “มืออาชีพ” สาขาใดสาขาหนึ่ง ลองมองดูรอบๆ ตัวคุณเพื่อค้นหางานที่เหมาะ ไม่เช่นนั้นก็อาจทำกิจกรรม ช่วยเหลือสังคม หรือการกุศลก็ได้ เพราะนอกจากทำให้ตัวเองยุ่งๆแล้ว การทำ งานยังทำให้คุณภูมิใจในตัวเอง และพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่ต้องเผชิญ ได้เป็นอย่างดี คุณอาจได้เจอกับแฟนใหม่ที่ดีกว่าคนเก่าก็ได้ เพราะโลกนี้ไม่ได้มีผู้ชายคนเดียวจริงไหม

ที่มา : www.women.thaiza.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น